top of page

แหนแดง Azlla microphylla

Writer's picture: Apiruk ThongkaysornApiruk Thongkaysorn


แหนแดง (Azolla)

เป็นเฟิร์นน้ำเล็กๆ เจริญเติบโตและลอยอยู่บนผิวน้ำในเขตร้อน และเขตอบอุ่น โดยจะดำรงชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันกับสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินกลุ่มไซยาโนแบคทีเรียชื่อ Anabana azollae อาศัยอยู่ ที่สามารถตรึงก๊าซไนโตรเจนในอากาศ (symbiotic nitrogen fixing microorganisms) ให้มาเป็นสารประกอบในรูปของแอมโมเนียม ทำให้แหนแดงมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบสูงถึง 3 – 5 % ทำให้แหนแดงกลายเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดี

แหนแดง มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ ประมาณ 7 สายพันธุ์ แต่ที่เหมาะสำหรับประเทศไทย มีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมในประเทศไทย กับสายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตร นำเข้ามาเพื่อคัดพันธุ์

คุณสมบัติของ แหนแดง

เนื่องจากกาบใบบนด้านหลังของแหนแดงมีโพรงใบและมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินอาศัยอยู่ในโพรงใบของแหนแดง เมื่อนำมาวิเคราะห์ พบว่า มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ สูงถึง 4.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าพืชตระกูลถั่วที่มีอยู่ ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อนำเอา แหนแดง 1 หน่วยมาทำการวิเคราะห์ ธาตุอาหารต่างๆ สามารถแจกแจงได้ดังนี้

คุณค่าทางธาตุอาหารในแหนแดง

  • เถ้า : 10.5%

  • ไขมันทั้งหมด : 3.0-3.3%

  • น้ำตาลที่ละลายได้ : 3.5%

  • แป้ง : 6.5%

  • โคโลฟิลล์ : 0.34-0.55%

  • เส้นใยทั้งหมด : 9.1%

  • ไนโตรเจน : 24.0-30.0%

  • ฟอสฟอรัส : 4.5-5.0%

  • แคลเซียม : 0.4-1.0%

  • โพแทสเซียม : 2.0-4.5%

  • แมงกานีส : 0.5-0.6%

  • แมกนีเซียม : 0.11-0.16%

  • เหล็ก : 0.06-0.26%




การนำแหนแดงไปใช้ในนาข้าว

แหนแดงสด ถ้าจะใส่ในนาข้าว ให้นำไปหว่าน 2 ช่วง ด้วยกัน ช่วงแรก หว่านแหนแดงก่อนตีเทือก เพื่อให้แหนแดงไปเพาะขยายในท้องนา ประมาณ 20 วัน แล้วไถกลบ เมื่อแหนแดงย่อยสลายก็จะเริ่มปลดปล่อยไนโตรเจนออกมา ดังนั้น เมื่อตีเทือกเสร็จก็หว่านข้าวหรือดำนาได้เลย อีกช่วงหนึ่งถ้าเป็นนาดำ ให้ดำนาไปก่อน แล้วหว่านแหนแดงลงไปในนา แหนแดงจะไปขยายพันธุ์เต็มท้องนา เพราะนาดำมีลักษณะเป็นบ่อน้ำตื้น ประโยชน์ที่ได้ตามมาก็คือ แหนแดงจะช่วยบดบังแสงแดด ป้องกันไม่ให้วัชพืช ข้าววัชพืช ข้าวลีบ หรือข้าวดีด ที่ติดมากับรถเกี่ยวข้าว ตกค้างอยู่ในนา เจริญเติบโตขึ้นมาในนาข้าว


การนำไปใช้เพาะชำพืชหลังจากเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

พืชหลังจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ส่วนมากต้นกล้าของพืชที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจะอ่อนแอในระยะอนุบาล และยังไม่ตอบสนองต่อปุ๋ยเคมีได้ เนื่องจากระบบท่อลำเลียงยังไม่สมบูรณ์ หากใส่ปุ๋ยเคมีลงไปบางครั้งอาจจะทำให้พืชเน่าได้ เพราะปุ๋ยเคมีมีความเค็ม จะทำให้เสียเวลาในการงดใส่ปุ๋ย ประมาณ 20 วัน จึงจะเริ่มใส่ปุ๋ยได้

แต่แหนแดงสามารถผสมลงไปในวัสดุปลูกตั้งแต่เริ่มปลูกกล้าที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้เลย เพราะแหนแดงสามารถปลดปล่อยไนโตรเจนซึ่งเป็นอินทรีย์ที่ไม่มีพิษภัยต่อกล้าพืช กล้าจะดูดซึมไนโตรเจนเข้าไปในรากพืชได้เลย ดังนั้น แหนแดงจึงเหมาะกับการปลูกพืชที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ


แหนแดงแห้ง

เนื่องจากแหนแดง เพิ่มปริมาณตัวเองอย่างรวดเร็ว เราก็เก็บรวบรวมมาตากแดดไว้ ประมาณ 2 วัน ก็แห้ง เก็บใส่กระสอบรวบรวมไว้สำหรับใช้ปลูกพืช อัตราที่นำแหนแดงแห้งไปใช้ ประมาณ 20 กรัม ต่อดินวัสดุเพาะ 1 กิโลกรัม จากผลการทดลองปลูกผักสลัดให้ผลเป็นที่น่าพอใจ ดร. ศิริลักษณ์ บอกว่า แหนแดงแห้ง มีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากแหนแดงสด เพราะองค์ประกอบของแหนแดงมีไนโตรเจนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับปุ๋ยยูเรีย แหนแดงแห้ง 6 กิโลกรัม เท่ากับ ปุ๋ยยูเรีย ประมาณ 10-12 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอสำหรับการปลูกพืช


เอกสารอ้างอิง 1) ณัฐสิมา โทขันธ์. 2553. การจัดการของเสียและน้ำเสียในฟาร์มสุกรโดยใช้แหนแดง. 2) อร่าม คุ้มกลาง, ธรรมนูญ ฤทธิมณี และสาวิตร มีจุ้ย. 2523. ผลการใช้แหนแดงแทนปุ๋ยไนโตรเจนต่อผลผลิตของข้าว


143 views0 comments

Recent Posts

See All

Comentarios


Subscribe Form

Thanks for submitting!

©2020 by Cactus Baanploy. Proudly created with Wix.com

bottom of page